วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553
คนเขียน blog
เขียนเรื่องราวดีมีคนอ่าน เขียนเรื่องราวมีสาระความรู้ช่วยสร้างสังคมการเรียนรู้บนโลกอินเตอร์เน็ต เขียนเรื่องราวส่วนตัวช่วยสร้างสัมพันธภาพทางสังคม เขียนเรื่องราวการเมืองช่วยเ้ปิดหูเปิดตาผู้คน เขียนเรื่องราวธรรมชาติช่วยอนุรักษ์สร้างค่านิยมการรักษาสิ่งแวดล้อม การเขียนเรื่องราวท่องเที่ยวช่วงสร้างชีวิตชีวาให้กับผู้อ่านเกิดจินตนาการ การเขียนเรื่องราวบันเทิงช่วยสร้างสีสันให้โลกออนไลน์สนุกสนาน การเขียนเรื่องราวดนตรีศิลปะช่วยพัฒนาความสามารถทางการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเขียนเรื่องอะไรก็ดีทั้งนั้น สำหรับคนเขียน blog เพราะทุกๆ วัน จะมีความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นบนโลกอินเตอร์ทุกวินาทีั ดังนั้นประโยชน์จึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้เป็นส่วนใหญ่ เราคนเขียน blog ก็มีหน้าที่เขียนเรื่องราวที่สนใจและรู้แบ่งปัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มาเยือนทุกๆ ท่าน
วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553
มุมสบาย
สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์......
หลายๆ คนคงมีวิธีการของตนเองในการพักผ่อนที่สุดบรรเจิด สำหรับคนเขียน blog ในวันหยุดก็หาเรื่อง.....
หาเรื่องราวเขียนลง blog ครับ......
คนชอบเขียนความสุขก็คือการเขียนนั่นแหละครับ......
แต่บางครั้งก็เขียน....รู้เรื่องไม่รู้เรื่องบ้างก็ตามประสาคนเขียนเองนั่นแหละ หุหุ
สำหรับงานเขียนก็มีหลายรูปแบบอย่างที่ว่า.......
มุมสบายวันหยุดก็คงเขียนเรื่องไม่รู้เรื่องตามความคิดของตนเอง....... นั่งดูทีวีสัก 2 - 3 ชั่วโมง ก็สบายแล้ว หุหุ
boyza
หลายๆ คนคงมีวิธีการของตนเองในการพักผ่อนที่สุดบรรเจิด สำหรับคนเขียน blog ในวันหยุดก็หาเรื่อง.....
หาเรื่องราวเขียนลง blog ครับ......
คนชอบเขียนความสุขก็คือการเขียนนั่นแหละครับ......
แต่บางครั้งก็เขียน....รู้เรื่องไม่รู้เรื่องบ้างก็ตามประสาคนเขียนเองนั่นแหละ หุหุ
สำหรับงานเขียนก็มีหลายรูปแบบอย่างที่ว่า.......
มุมสบายวันหยุดก็คงเขียนเรื่องไม่รู้เรื่องตามความคิดของตนเอง....... นั่งดูทีวีสัก 2 - 3 ชั่วโมง ก็สบายแล้ว หุหุ
boyza
วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553
นักเขียน
สวัสดีครับทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยือน
หลังจากเกริ่นหัวข้อที่ผ่านมาเรื่องประเภทของนักเขียน นักเขียนออนไลน์อย่างเรามีหลายแนวเช่นกัน วันนี้ยังไม่ขอแยกเป็นประเภทแล้วกัน
แนวที่ 1 เขียนเรื่องทั่วไป
แนวที่ 2 เขียนเรื่องที่ชอบ
แนวที่ 3 เขียนวิจารณ์
แนวที่ 4 เผยแพร่ผลงาน
แนวที่ 5 เขียนเรื่องราวดารา
แนวที่ 6 เขียนประกอบภาพ
แนวที่ 7 เขียนเรื่องการท่องเที่ยว
แนวที่ 8 เขียนเรื่องอาหาร
แนวที่ 9 เขียนเรื่องความรู้
แนวที่ 10 เขียนเชิงสร้างสรรค์
แนวที่ 11 เขียนเรื่องสุขภาพ
แนวที่ ื12 อื่นๆ
ดังนั้นมันมากมายซะเหลือเกินมันขึ้นอยู่กับเราว่าจะเขียนเรื่องอะไร ผมเขียน blog มาก็สี่ปี แอบทำแบบสำรวจผู้เข้าชมมาตลอด ช่วงแรกผมทำ blog เขียนเรื่องราวสาระบ้างไม่เป็นสาระบ้าง แต่ไม่เป็นสาระจะเหมาะกว่าสำหรับผม เพราะผมชอบเขียนเรื่องราวบันเทิงแต่แบบไม่เป็นสาระ ประกอบภาพดาราบ้าง สำหรับเว็บที่ทำเรื่องภาพดาราจะใส่ข้อมูลมากผู้ชมก็ไม่ชอบ เพราะขี้เกียจอ่าน เลยใส่ข้อมูลพอเป็นน้ำจิ้ม ก็นิสัยคนไทยเราไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ มันน่าเบื่อ กลุ่มเป้าหมายของผมจึงเป็นคนอยู่ในช่วงอายุ 10 - 40 ปี เป็นส่วนใหญ่ และเพศหญิงมากที่สุด รองลงมาก็น้องๆ อ้อยหวาน ผู้ชายสีชมพู อันนี้ก็พอจับโจทย์ได้ นิดๆ เลยปรับตามความต้องการของผุ้เข้าชม blog ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ทิ้งไปได้เกือบปีที่ไม่ได้เขียนก็เพราะรู้สึกว่าเราเขียน blog คนเข้าก็พอประมาณ จน 4 ปีมีคนเข้ามาอ่าน เกือบแสนครั้ง ดังนั้นเลยคิดว่าเราเขียนแล้วไม่ได้เงิน อันนี้แหละที่ผมเริ่มผิดอุดมการณ์ที่แต่แรกเริ่มในการเขียน blog ว่าจะเขียนเพื่อความบันเิทิง และแบ่งปันความรู้ ผมเริื่่มคิดมากไม่อยากหารายได้ให้คนอื่นซึ่งเป็นเจ้าของเว็บมีรายได้จากบทความเรา แต่จริงๆ แล้วมาคิดดูตอนนี้ เมื่อกลับจากการอบรมปีที่แล้วในเรื่องการสร้างเว็บไซต์ ผมมานั่งคิดดูอีกที...
ที่จริงแล้วเว็บฟรีที่ผมเขียนบทความช่วยฝึกฝนให้รู้สึกรักการเขียนต่างหาก แล้วตอนแรกๆ ไม่คิดเรื่องเงินทำไมมันมีความสุขกับการเขียน blog พอพูดเรื่องเงินแล้วนิสัยเปลี่ยน
นี้คือความล้มเหลวในการเขียน blog ผิดอุดมการณ์นักเขียน blog หมดเลย
จึงกลับมาเขียนใหม่ โดยคิดว่า blog คือการเขียนเพื่อความสุข และถ้าอยากมีรายได้จากการเขียน blog เล่นๆ ก็ลองหา blog ฟรี ที่ให้เราหารายได้ก็มีนิ คิดมากไปได้ มารู้จักเจ้า blogger อย่างจริงจังก็ปีที่ผ่านมาประมาณกลางปีนี้เอง.......
เลยเิริ่มทำ blog ที่มี keyword โฆษณาแพงๆ อย่าง blog แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว แต่มันไม่ใช่ผมเขียนก็ไม่มีความสุข คนไม่เข้าเพราะมันไม่ถูกกับเราหรือเปล่า อันนี้ก็เงินอีกนั้นแหละ หุหุ
อ่านต่อตอนหน้าแล้วกัน......ไปกินข้าวก่อน....
boyza
หลังจากเกริ่นหัวข้อที่ผ่านมาเรื่องประเภทของนักเขียน นักเขียนออนไลน์อย่างเรามีหลายแนวเช่นกัน วันนี้ยังไม่ขอแยกเป็นประเภทแล้วกัน
แนวที่ 1 เขียนเรื่องทั่วไป
แนวที่ 2 เขียนเรื่องที่ชอบ
แนวที่ 3 เขียนวิจารณ์
แนวที่ 4 เผยแพร่ผลงาน
แนวที่ 5 เขียนเรื่องราวดารา
แนวที่ 6 เขียนประกอบภาพ
แนวที่ 7 เขียนเรื่องการท่องเที่ยว
แนวที่ 8 เขียนเรื่องอาหาร
แนวที่ 9 เขียนเรื่องความรู้
แนวที่ 10 เขียนเชิงสร้างสรรค์
แนวที่ 11 เขียนเรื่องสุขภาพ
แนวที่ ื12 อื่นๆ
ดังนั้นมันมากมายซะเหลือเกินมันขึ้นอยู่กับเราว่าจะเขียนเรื่องอะไร ผมเขียน blog มาก็สี่ปี แอบทำแบบสำรวจผู้เข้าชมมาตลอด ช่วงแรกผมทำ blog เขียนเรื่องราวสาระบ้างไม่เป็นสาระบ้าง แต่ไม่เป็นสาระจะเหมาะกว่าสำหรับผม เพราะผมชอบเขียนเรื่องราวบันเทิงแต่แบบไม่เป็นสาระ ประกอบภาพดาราบ้าง สำหรับเว็บที่ทำเรื่องภาพดาราจะใส่ข้อมูลมากผู้ชมก็ไม่ชอบ เพราะขี้เกียจอ่าน เลยใส่ข้อมูลพอเป็นน้ำจิ้ม ก็นิสัยคนไทยเราไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ มันน่าเบื่อ กลุ่มเป้าหมายของผมจึงเป็นคนอยู่ในช่วงอายุ 10 - 40 ปี เป็นส่วนใหญ่ และเพศหญิงมากที่สุด รองลงมาก็น้องๆ อ้อยหวาน ผู้ชายสีชมพู อันนี้ก็พอจับโจทย์ได้ นิดๆ เลยปรับตามความต้องการของผุ้เข้าชม blog ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ทิ้งไปได้เกือบปีที่ไม่ได้เขียนก็เพราะรู้สึกว่าเราเขียน blog คนเข้าก็พอประมาณ จน 4 ปีมีคนเข้ามาอ่าน เกือบแสนครั้ง ดังนั้นเลยคิดว่าเราเขียนแล้วไม่ได้เงิน อันนี้แหละที่ผมเริ่มผิดอุดมการณ์ที่แต่แรกเริ่มในการเขียน blog ว่าจะเขียนเพื่อความบันเิทิง และแบ่งปันความรู้ ผมเริื่่มคิดมากไม่อยากหารายได้ให้คนอื่นซึ่งเป็นเจ้าของเว็บมีรายได้จากบทความเรา แต่จริงๆ แล้วมาคิดดูตอนนี้ เมื่อกลับจากการอบรมปีที่แล้วในเรื่องการสร้างเว็บไซต์ ผมมานั่งคิดดูอีกที...
ที่จริงแล้วเว็บฟรีที่ผมเขียนบทความช่วยฝึกฝนให้รู้สึกรักการเขียนต่างหาก แล้วตอนแรกๆ ไม่คิดเรื่องเงินทำไมมันมีความสุขกับการเขียน blog พอพูดเรื่องเงินแล้วนิสัยเปลี่ยน
นี้คือความล้มเหลวในการเขียน blog ผิดอุดมการณ์นักเขียน blog หมดเลย
จึงกลับมาเขียนใหม่ โดยคิดว่า blog คือการเขียนเพื่อความสุข และถ้าอยากมีรายได้จากการเขียน blog เล่นๆ ก็ลองหา blog ฟรี ที่ให้เราหารายได้ก็มีนิ คิดมากไปได้ มารู้จักเจ้า blogger อย่างจริงจังก็ปีที่ผ่านมาประมาณกลางปีนี้เอง.......
เลยเิริ่มทำ blog ที่มี keyword โฆษณาแพงๆ อย่าง blog แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว แต่มันไม่ใช่ผมเขียนก็ไม่มีความสุข คนไม่เข้าเพราะมันไม่ถูกกับเราหรือเปล่า อันนี้ก็เงินอีกนั้นแหละ หุหุ
อ่านต่อตอนหน้าแล้วกัน......ไปกินข้าวก่อน....
boyza
วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553
ปฎิรูปเว็บไซต์
ประกาศการปฎิรูปเว็บไซต์
นี้คือส่วนหนึ่งของความคิดผมเอง ใครเอาไปใช้ก็ไม่ว่ากัน
เพราะอยู่ในขั้นเสือกระดาษอยู่
ถึงเวลาปฎิรูปเว็บไซต์ให้เหมือนการทำศึกสมัยแย่งดินแดนสักหน่อย
สำหรับในความคิดผมการทำเว็บก็เหมือนการสร้างเมือง ซึ่งจะสร้างได้ก็ต้องอาศัยขุนพล และแม่ทัพ เสนาธิการ อำมาตย์ ในการสร้างเมือง เว็บไซต์เรา หุหุ
ใครมีเว็บแต่ไร้คนเข้าก็เท่ากับเมืองอ่อนแอ ใครมีเว็บแต่ไร้เนื้อหาดีก็เท่ากับเมืองร้าง หุหุ
รู้เขารู้เรารบร้อยชนะร้อย ไม่รู้เขารู้เราชนะหนึ่งแพ้หนึ่ง ไม่รู้เขารู้เรารบทุกครั้งแพ้ตลอด
ถึงเวลาปฎิรูปเว็บ ก่อนอื่นต้องไปแจ้งเจ้ายุทธภพผู้ปกครองดินแดนออนไลน์อย่าง ท่าน google และผู้ท้าชิงตำแหน่งเจ้ายุทธภพ อย่าง b - ing และ Yahoo กับบรรดาเจ้าแคว้นทั้งหลาย ทั้งน้อยใหญ่ในยุทธภพสงครามออนไลน์ ประกาศการปฎิรูปให้โลกได้รู้ว่าถึงเวลาที่เว็บท่านจะก้าวสู่ความเป็นผู้นำ keyword นั้นๆ
ขั้นตอนการดำเนินการมีดังนี้
1. บอกชื่อเสียงเรียงนาม ว่าข้าเป็นใคร ด้วย (Meta tag) และรายละเอียดทั้งหลายให้เจ้ายุทธภพได้ทราบ และบรรดาเจ้าแคว้นน้อยใหญ่
2. ทำพิธีสถาปนา keyword , title, h1 ,content
3. บวงสรวงเจ้าที่ด้วยให้ทราบ โดยนำเครื่องถวายการเรียกเจ้าที่ทั้งหลายมารับทราบ
4. แต่งตั้งผู้รักษาป้อมประจำเมืองด้วย (เว็บ blog ฟรีทั้งหลาย ให้ยิ่งลิ้งค์มารักษาเมือง)
5. เชิญชวนชาวประชามาอาศัย จากเมือง facebook และ hi5 และเหล่าเว็บต่างๆ ด้วยการฝากบัตรเชิญมายังเมือง(กลยุทธก็แล้วแต่ราชทูตแต่ละคนจะทำเอา หลากหลายวิธี)
6. ถึงเวลาปรับปรุงกองทัพเว็บด้วยการตรวจประเมินกำลัง
6.1 ตรวจกำลังกองทัพ ในด้านความเข้มแข็ง
6.2 สอดแนมมิตรประเทศด้วย keyword คู่แข่ง
6.3 เตรียมความพร้อม
7. แต่งตั้งขุนศึก
แม่ทัพ (keyword)
รองแม่ทัพ (h1)
นายกอง (keyword ในเนื้อหา)
หัวหมู่ (ลิ้งค์วน)
8. เก็บตุนเสบียง (เนื้อหาดีๆ แถม keyword เจ๋งๆ)
9. ประกาศสงครามแย้งชิงดินแดน (seo ตามแต่ถนัดของแต่ละคน จะสายดำ ขาว เทา)
ประเมินศึก ทำศึก กลยุทธ ตามเห็นสมควร (เอาแบบ ขงเบ้ง โจโฉ ซุนกวน ซุนวู ซุนปิน หรือขงจื้อ ก็ว่าไป)
10. ยึดดินแดนหน้า 1 ปกครองประชา เอาใจประชาเป็นสุข
10.1 สำรวจกลุ่มประชากรเป็นหญิงหรือชาย อายุ
10.2 สำรวจการปกครองว่าประชาชอบแบบไหน เนื้อหาส่วนใด
10.3 ปรับปรุงเนื้อหาตามแบบสำรวจ
11. กระบวนยุทธพิชิตเว็บไซต์ตามประสาบ้าบอ หนังจีน หุหุ
ปกครองเอาใจประชาเว็บอยู่ได้นาน........ หุหุ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์เล็ก ๆน้อยๆ ว่าไปตามประสา......
ผิดถูกพิจารณาเอาเองแล้วกัน.......
นี้คือส่วนหนึ่งของความคิดผมเอง ใครเอาไปใช้ก็ไม่ว่ากัน
เพราะอยู่ในขั้นเสือกระดาษอยู่
ถึงเวลาปฎิรูปเว็บไซต์ให้เหมือนการทำศึกสมัยแย่งดินแดนสักหน่อย
สำหรับในความคิดผมการทำเว็บก็เหมือนการสร้างเมือง ซึ่งจะสร้างได้ก็ต้องอาศัยขุนพล และแม่ทัพ เสนาธิการ อำมาตย์ ในการสร้างเมือง เว็บไซต์เรา หุหุ
ใครมีเว็บแต่ไร้คนเข้าก็เท่ากับเมืองอ่อนแอ ใครมีเว็บแต่ไร้เนื้อหาดีก็เท่ากับเมืองร้าง หุหุ
รู้เขารู้เรารบร้อยชนะร้อย ไม่รู้เขารู้เราชนะหนึ่งแพ้หนึ่ง ไม่รู้เขารู้เรารบทุกครั้งแพ้ตลอด
ถึงเวลาปฎิรูปเว็บ ก่อนอื่นต้องไปแจ้งเจ้ายุทธภพผู้ปกครองดินแดนออนไลน์อย่าง ท่าน google และผู้ท้าชิงตำแหน่งเจ้ายุทธภพ อย่าง b - ing และ Yahoo กับบรรดาเจ้าแคว้นทั้งหลาย ทั้งน้อยใหญ่ในยุทธภพสงครามออนไลน์ ประกาศการปฎิรูปให้โลกได้รู้ว่าถึงเวลาที่เว็บท่านจะก้าวสู่ความเป็นผู้นำ keyword นั้นๆ
ขั้นตอนการดำเนินการมีดังนี้
1. บอกชื่อเสียงเรียงนาม ว่าข้าเป็นใคร ด้วย (Meta tag) และรายละเอียดทั้งหลายให้เจ้ายุทธภพได้ทราบ และบรรดาเจ้าแคว้นน้อยใหญ่
2. ทำพิธีสถาปนา keyword , title, h1 ,content
3. บวงสรวงเจ้าที่ด้วยให้ทราบ โดยนำเครื่องถวายการเรียกเจ้าที่ทั้งหลายมารับทราบ
4. แต่งตั้งผู้รักษาป้อมประจำเมืองด้วย (เว็บ blog ฟรีทั้งหลาย ให้ยิ่งลิ้งค์มารักษาเมือง)
5. เชิญชวนชาวประชามาอาศัย จากเมือง facebook และ hi5 และเหล่าเว็บต่างๆ ด้วยการฝากบัตรเชิญมายังเมือง(กลยุทธก็แล้วแต่ราชทูตแต่ละคนจะทำเอา หลากหลายวิธี)
6. ถึงเวลาปรับปรุงกองทัพเว็บด้วยการตรวจประเมินกำลัง
6.1 ตรวจกำลังกองทัพ ในด้านความเข้มแข็ง
6.2 สอดแนมมิตรประเทศด้วย keyword คู่แข่ง
6.3 เตรียมความพร้อม
7. แต่งตั้งขุนศึก
แม่ทัพ (keyword)
รองแม่ทัพ (h1)
นายกอง (keyword ในเนื้อหา)
หัวหมู่ (ลิ้งค์วน)
8. เก็บตุนเสบียง (เนื้อหาดีๆ แถม keyword เจ๋งๆ)
9. ประกาศสงครามแย้งชิงดินแดน (seo ตามแต่ถนัดของแต่ละคน จะสายดำ ขาว เทา)
ประเมินศึก ทำศึก กลยุทธ ตามเห็นสมควร (เอาแบบ ขงเบ้ง โจโฉ ซุนกวน ซุนวู ซุนปิน หรือขงจื้อ ก็ว่าไป)
10. ยึดดินแดนหน้า 1 ปกครองประชา เอาใจประชาเป็นสุข
10.1 สำรวจกลุ่มประชากรเป็นหญิงหรือชาย อายุ
10.2 สำรวจการปกครองว่าประชาชอบแบบไหน เนื้อหาส่วนใด
10.3 ปรับปรุงเนื้อหาตามแบบสำรวจ
11. กระบวนยุทธพิชิตเว็บไซต์ตามประสาบ้าบอ หนังจีน หุหุ
ปกครองเอาใจประชาเว็บอยู่ได้นาน........ หุหุ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์เล็ก ๆน้อยๆ ว่าไปตามประสา......
ผิดถูกพิจารณาเอาเองแล้วกัน.......
วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553
บทความเอกลักษณ์
บทความมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนเขียน blog ซึ่งปัจจุบันมีหลายคนไม่เขียนเองแต่ไปเอาบทความฟรีมาติดในเว็บ blog แต่สำหรับคนเขียน blog อย่างผมแ้ล้วแน่นอน ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรเพราะมันไม่ใช่ตัวตนคนเขียน blog ที่รักการทำ blog จริงๆ มันผิดวัตถุประสงค์ของคนเขียน blog ที่ต้องการจะแชร์สิ่งที่ชอบให้คนในสังคมรู้ และคนทั่วโลกรู้ และให้คนกลุ่มเดียวที่ชอบเหมือนเราได้เข้ามาแลกเปลี่ยนสิ่งที่ชอบเหมือนกัน
ยุคมันเปลี่ยนไป เราเห็นแก่เงินมากขึ้นจนลืมตัวตนคนเขียน blog ที่แรกๆ เราเขียนก็เพื่อระบายสิ่งที่เราชอบเราสนใจให้คนที่คิดเหมือนเราได้อ่านเรื่องราวที่เราบอกผ่าน blog เราหารายได้จากการหากินแบบยาวๆ ไม่ใช่มาเร็วแล้วก็ไปเร็ว สำหรับคนเขียน blog อย่างผมก็ไม่ได้วิเศษอะไรมากมาย แรกๆ ผมมาเขียน blog ใน blog ฟรีแห่งหนึ่งก็ด้วยอยากอวดเพื่อนว่าเราก็มี blog มันเท่ห์ดี หลังๆ มาเขียนไปเขียนมาอยากได้เงิน หุหุ แต่จะทำไงได้ช่วงนั้นยังไม่รู้จะทำอย่างไร
แต่เวลาผ่านไปคนเขียน blog มีความหวังมากขึ้นเพราะเขียน blog ก็ได้เงินจากการมีโฆษณาประกอบการเขียน blog ทำให้คนเขียน blog มีกำลังใจมากขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะได้น้อยก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้คนเขียน blog ได้ดำเนินชีวิตตามความต้องการของตนเอง เราเขียน blog ก็เพื่อความสุขทางใจ อย่าไปยึดกับเงินทองมากไป ฝากไว้แค่นี้ก่อน
ยุคมันเปลี่ยนไป เราเห็นแก่เงินมากขึ้นจนลืมตัวตนคนเขียน blog ที่แรกๆ เราเขียนก็เพื่อระบายสิ่งที่เราชอบเราสนใจให้คนที่คิดเหมือนเราได้อ่านเรื่องราวที่เราบอกผ่าน blog เราหารายได้จากการหากินแบบยาวๆ ไม่ใช่มาเร็วแล้วก็ไปเร็ว สำหรับคนเขียน blog อย่างผมก็ไม่ได้วิเศษอะไรมากมาย แรกๆ ผมมาเขียน blog ใน blog ฟรีแห่งหนึ่งก็ด้วยอยากอวดเพื่อนว่าเราก็มี blog มันเท่ห์ดี หลังๆ มาเขียนไปเขียนมาอยากได้เงิน หุหุ แต่จะทำไงได้ช่วงนั้นยังไม่รู้จะทำอย่างไร
แต่เวลาผ่านไปคนเขียน blog มีความหวังมากขึ้นเพราะเขียน blog ก็ได้เงินจากการมีโฆษณาประกอบการเขียน blog ทำให้คนเขียน blog มีกำลังใจมากขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะได้น้อยก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้คนเขียน blog ได้ดำเนินชีวิตตามความต้องการของตนเอง เราเขียน blog ก็เพื่อความสุขทางใจ อย่าไปยึดกับเงินทองมากไป ฝากไว้แค่นี้ก่อน
วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553
บทความคนเขียน blog
สำหรับคนเขียน blog แล้วบทความเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เขียน blog ด้วยความชื่นชอบ ไม่นิยมก็อบปี้บทความผู้อื่น เพราะเราอยากเขียนอะไรก็เขียนไปตามความถนัดแต่ละบุคคล แต่สำหรับคนหารายได้จากการเขียน blog แล้วก็คงต้องใช้วิธีที่ว่า แต่เว็บ blog ของท่านจะขาดจิตวิญญาณซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ blog ถ้าเป็นบทความที่เราเขียนเองแล้วมันน่าภาคภูมิใจ แต่เอาแบบลูกผสมก็ไม่น่าเกียจก็น่าจะเขียนประยุกต์บทความขึ้นมาในแบบฉบับของเรา ซึ่งอาจจะรวมเอาเรื่องราวที่อ่านของคนอื่นมาเขียนใหม่อันนี้ก็ถือว่าใช้ได้เช่นกัน และยังมีรูปแบบเป็นของเราเองอยู่ซึ่งคนเขียน blog ส่วนใหญ่ก็อาจจะใช้วิธีนี้บ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งการเขียนเรื่องที่เรารักแล้วไม่มีทางตันแน่นอนเพราะ blog มันคืิอเรา เราก็คือ blog ไปเจออะไรมาที่เป็นประโยชน์ก็นำมาเขียนแบ่งปันกันในอินเตอร์เน็ตก็ยิ่งมีประโยชน์ การทำ blog จึงขึ้นอยู่กับความชอบของบุคคลด้วย สำหรับคนอยากเขียนblog แต่ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร ก็เอาเรื่องที่เราสนใจมาเขียนรับรองว่ามีคนเข้ามาอ่านแน่หากมีประโยชน์สำหรับเขา และเขาชอบแบบเรา หุหุ เขียนไปงงไป เอาเป็นว่าตามนี้แล้วกัน
วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553
คนเขียน blog ปี 4 ฉบับแรก
หุหุ สวัสดีทุกท่านที่แวะมาในที่นี้ หวังว่าท่านจะได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับคนเขียน blog ตัวอ้วนคนนี้ เขียน blog ตามประสาคนบ้าๆ บอๆ ลองผิดลองถูกจากคนไม่มีความรู้ด้านการใช้ blog และการทำเว็บแม้แต่นิดเดียวแต่วันนี้ก็เลยมา4 ปีแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองรู้มาแค่ไหนอยู่เหมือนกัน แต่อยากที่จะแชร์สิ่งที่เรียนรู้จากการลองผิดลองถูกให้ผู้ที่สนใจ (คงจะเป็นมือใหม่นะจ๊ะ) หวังว่ามือใหม่ที่ต้องการสร้าง blog ไว้อวดชาวโลกได้พบกับความสนุกสนานของคนเขียน blog หุหุ ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีคนอ่านเป็นพันเป็นหมื่น แต่การเขียน blog คือความสุขของเราไม่ต้องไปกลัวคนไม่เข้ามาอ่าน เพียงแค่มี blog ก็ภูมิใจแล้ว หุหุ
หวังว่าพี่น้องที่สนใจการทำ blog จะได้รับประโยชน์จากคนเขียน blog ปี 4 นะจ๊ะ
boyza
หวังว่าพี่น้องที่สนใจการทำ blog จะได้รับประโยชน์จากคนเขียน blog ปี 4 นะจ๊ะ
boyza
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)